การทำแบรนด์เซรั่มบำรุงผิวหน้าและผิวกายในปัจจุบัน มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก สืบเนื่องมาจากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงาม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและความงามที่กำลังเติบโตขึ้น…ตามที่ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ได้วิเคราะห์แนวโน้มตลาดเครื่องสำอางของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2565 – 2573 มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปี และคาดการณ์ว่าในปี 2573 จะมีมูลค่ากว่า 3.23 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 เท่า จากปี 2565 (ที่มา : thebetter.co.th) จากข้อมูลดังกล่าว นอกจากจะมีผู้เล่นในธุรกิจความสวยความงามเพิ่มขึ้นแล้ว ก็ยังส่งผลให้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์สำหรับสกินแคร์ อย่าง ขวดปั๊ม และ ขวดสูญญากาศ รวมถึงกระปุกครีมหรือเซรั่มต่างๆ คึกคักมากขึ้นด้วย
สอดคล้องกับข้อมูลของนายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย ได้กล่าวว่า อุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยถือเป็นเป็น 1 ใน 5 อุตสาหกรรมสำคัญที่ช่วยเพิ่ม GDP ให้ประเทศไทย โดยแนวโน้มในปี 2567 ยังคงเติบโตได้ 9-9.3% และมีมูลค่ากว่า 2.4 แสนล้านบาท (ที่มา : thansettakij.com) โดยในมุมของโอ้วไถ่ฮง บรรจุภัณฑ์ วิเคราะห์ถึงบางปัจจัยที่ทำให้การทำแบรนด์สกินแคร์และเซรั่มต่างๆ ได้รับความสนใจจากผูบริโภคจำนวนมากก็คือ
- ผู้บริโภคเห็นความสำคัญของการดูแลผิวและความงามเพิ่มขึ้นในทุกวัย
- มีเทคโนโลยีและการพัฒนาสูตรของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวให้ตอบโจทย์ความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคได้มากขึ้น
- รูปลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น ขวดปั๊ม และ ขวดสูญญากาศ รวมถึงกระปุกครีมหรือเซรั่มต่างๆ ที่เหมาะสมกับการใช้งานและสวยดึงดูดใจผู้บริโภคได้ดีขึ้น
- หลายแบรนด์ทำการตลาดให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ที่เน้นการโซเชียลมีเดีย รวมถึงการใช้ Influencer ชื่อดังต่างๆ กระตุ้นยอดขายได้อีกด้วย
- ราคาที่เป็นมิตร คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณภาพ ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น
ขวดแบบไหนควรนำมาใช้เป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับเซรั่มมากที่สุด?
- เป็นขวดบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัยและผู้บริโภคใช้งานสะดวก : นอกจากการเลือก ขนาดขวดที่เหมาะสมสำหรับผลิตภัณฑ์เซรั่มของคุณแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการใช้งานของผู้บริโภคด้วย โดยขวดที่นิยมใช้ส่วนใหญ่จะเป็น ขวดปั๊ม หรือ ขวดสูญญากาศ รวมถึงขวดที่เป็นแบบดรอปเปอร์ที่ให้การควบคุมปริมาณที่ใช้งานได้ง่าย ส่วนเรื่องวัสดุที่มีความปลอดภัย เจ้าของแบรนด์อาจจะต้องเลือกวัสดุที่มีการตรวจสอบว่าบรรจุภัณฑ์นั้น ได้รับการทดสอบและรับรองคุณภาพตามมาตรฐานที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ดีขึ้น
- ควรเลือกวัสดุขวดที่ไม่ทำให้สารสกัดสูญเสียประสิทธิภาพ : แบรนด์ส่วนใหญ่มักจะนิยมใช้ขวดบรรจุภัณฑ์ที่เป็น ขวดปั๊ม หรือ ขวดสูญญากาศ เพราะช่วยกันอากาศจากภายนอกได้ อีกทั้งยังสะดวกในการใช้งานด้วย และไม่ว่าจะเป็นขวดแก้วหรือขวดพลาสติก ที่ยังสามารถเลือกวัสดุที่นำไปรีไซเคิลได้ อย่างพลาสติก PET, PP หรือ HDPE ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้หากมีคุณสมบัติปกป้องสารสกัดได้ดีก็ถือว่าเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับเซรั่ม
- ขวดบรรจุภัณฑ์ที่สามารถป้องกันความร้อน แสง UV และกันอากาศจากภายนอกได้ : เพราะสารสกัดในเซรั่มบำรุงผิวส่วนใหญ่มักมีความไวต่อแสงและอากาศ ดังนั้น การเลือกขวดที่มีสีมืดสีทึบหรือเป็นขวดที่มีการเคลือบป้องกันแสง UV และจะต้องมีคุณสมบัติที่ช่วยกันอากาศจากภายนอกได้ด้วย ก็จะช่วยให้สามารถรักษาคุณภาพของเซรั่มให้มีประสิทธิภาพที่ดีได้
- หัวของ ขวดปั๊ม หรือ ขวดสูญญากาศ จะต้องไม่แข็งหรืออ่อนจนเกินไป : นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อเราใช้งานไปมากๆ หากหัวปั๊มอ่อนมากไปอาจง่ายต่อเสียหายจนไม่สามารถปั๊มเซรั่มออกมาได้ หรือถ้าหัวปั๊มแข็งมากจนเกินไปก็เสี่ยงต่อการแตกหักได้เช่นกัน ฉะนั้น เจ้าของแบรนด์เซรั่มควรเลือกซื้อขวดที่ผ่านการทดสอบจำนวนครั้งในการกดร่วมด้วย เพราะนั่นคือประสบการณ์การใช้งานที่ดีของผู้บริโภคด้วยเช่นกัน
ขวดปั๊ม มีกี่ประเภท?
โดยทั่วไปแล้วขวดที่เป็นระบบปั๊มในท้องตลาดจะนิยมใช้กันอยู่ 2 ประเภท คือ
1.ขวดบรรจุภัณฑ์ที่เป็นหัวปั๊มแบบธรรมดา : ถือเป็นขวดบรรจุภัณฑ์รูปแบบหนึ่งที่หลายแบรนด์นิยมเลือกใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างเซรั่ม ซึ่งเป็นขวดที่มีระบบปั๊มในตัวเพื่อสร้างแรงกด (spring-loaded) จะมีหลอดที่เป็นตัวช่วยในการดูดครีมหรือเซรั่มขึ้นมาเพื่อใช้งาน นอกจากจะเหมาะสำหรับการบรรจุผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกายแล้ว ยังช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน ในแง่มุมต่างๆ ดังนี้
ข้อดีของการเลือก ขวดปั๊ม สำหรับผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิว
- ระบบปั๊มช่วยควบคุมปริมาณตามที่ผู้ใช้ต้องการได้ในแต่ละครั้ง
- ลดการสูญเสียของผลิตภัณฑ์
- สะดวกในการพกพาและการจัดเก็บ
- ขวดปั๊ม ช่วยป้องกันการสัมผัสเชื้อโรคจากมือผู้ใช้งาน
ส่วนข้อเสียของการเลือกขวดแบบหัวปั๊มธรรมดาก็คือ เมื่อระบบปั๊มเสียแล้วจะไม่สามารถซ่อมหรือแก้ไขให้กลับมาใช้งานใหม่ได้
2.ขวดบรรจุภัณฑ์ที่เป็นหัวปั๊มแบบสูญญากาศ : มีความแตกต่างกับแบบหัวปั๊มธรรมดาคือจะไม่มีหลอดแต่มีฐานเลื่อนดันเนื้อครีม / เซรั่มขึ้นมาแทน โดย ขวดสูญญากาศ นี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับผลิตภัณฑ์เซรั่ม เนื่องจากมีระบบปั๊มที่สามารถสร้างแรงกดโดยไม่ต้องมีอากาศเข้ามา ทำให้ดึงสารสกัดของผลิตภัณฑ์เซรั่มขึ้นมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนอกจากจะมีข้อดีในเรื่องการใช้งานแล้ว ยังช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูพรีเมี่ยมหรูหรามากขึ้นด้วย
ข้อดีของการเลือก ขวดสูญญากาศ สำหรับผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิว
- ช่วยป้องกันการตกค้างของอากาศลงไปในขวด ทำให้สารสกัดคงคุณสมบัติและประสิทธิภาพได้มากขึ้น
- ช่วยลดการสัมผัสตรงของมือที่อาจปนเปื้อนเชื้อโรคต่างๆ
- ช่วยลดการสูญเสียของผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้ใช้ใช้งานได้ตามที่ต้องการ
- ช่วยลดการทำลายประสิทธิภาพของสารสกัดจากแสงแดดและอากาศ
- เมื่อหัวปั๊มสูญญากาศมีปัญหาสามารถแก้ไขได้ด้วย คว่ำขวดลงและสะบัดแรงๆ 4-5 ครั้ง และวางคว่ำไว้อย่างนั้น 1 คืน จากนั้นระบบปั๊มจะกลับมาทำงานได้
ส่วนข้อเสียของการเลือก ขวดสูญญากาศ ก็คือ อาจมีราคาที่สูงกว่า ขวดปั๊ม ธรรมดา และไม่เหมาะกับเนื้อครีมหรือเซรั่มที่มีความหนืดมากๆ
บทสรุป : การเลือกขวดบรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์เซรั่มนั้น นอกจากจะพิจารณาถึงคุณสมบัติและการใช้งานของขวดประเภทต่างๆ แล้ว จะต้องคำนึงถึงความสะดวกและประสบการณ์ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายของคุณ รวมถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์คุณ หากคุณวางแบรนด์เซรั่มของคุณให้ดูหรูหราพรีเมี่ยม การเลือกใช้ ขวดสูญญากาศ อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าต้องการความสะดวกและราคาที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคได้มากขึ้น การเลือก ขวดปั๊ม ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับแบรนด์คุณ
หากคุณกำลังมองหาขวดบรรจุภัณฑ์สำหรับใส่ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มของคุณ ไม่ว่าจะเป็น ขวดแก้ว ขวดพลาสติก ขวดปั๊ม หรือ ขวดสูญญากาศ ที่ได้คุณภาพและมาตรฐาน บริษัท โอ้วไถ่ฮง บรรจุภัณฑ์ จำกัด เราเป็นทั้งผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ที่มีประสบการณ์เก่าแก่มานานกว่า 60 ปี เรามีบรรจุภัณฑ์หลากหลายรูปแบบให้คุณได้เลือกใช้งาน ที่สำคัญคือ บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ของเรามีคุณภาพดีและมีมาตรฐาน ปลอดภัยสำหรับลูกค้าของคุณอย่างแน่นอน โดยคุณสามารถติดต่อสอบถามสินค้าและสั่งซื้อได้ทาง
ติดต่อสอบถามสินค้าและสั่งซื้อได้ทาง
Line@ id: @othpackage
คุณแหว๋ว โทร. 084-752-7864
คุณหน่อย โทร. 089-687-5612
จัดส่งต่างจังหวัด หรือ รับสินค้าที่ราชพฤกษ์-พระราม5 ติดต่อ
Line@ id: @sopack
โทร. 02-459-4571 ถึง 8, 063-191-0915 , 086-903-4041 , 098-260-3900 , 081-890-5571